ข้าพเจ้ารู้สึกเศร้าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้ทราบข่าวการถึงแก่กรรมของนายมาลัย ชูพินิจ
เมื่อก่อนนั้นสักหน่อย คณะรัฐมนตรีก็ได้แต่งตั้งให้เป็นกรรมการพิจารณากิจการภาพยนตร์ร่วมกับข้าพเจ้าอยู่ และทั้งๆ ที่เริ่มป่วยแล้ว ก็ยังอุตส่าห์เขียนบทความมาลงหนังสือ "ชุมนุมนิพนธ์" ซึ่งแจก
ในงานฉลองอายุครบหกรอบของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึ่งขอไว้อาลัยโดยซาบซึ้งตรึงใจ
อันที่จริง นายมาลัย ชูพินิจ กับข้าพเจ้า ได้ร่วมงานกันมาช้านานแล้ว คือ ได้ทำหนังสือพิมพ์ "ประชาชาติ" ร่วมกันมาตั้งแต่ปี ๒๔๗๕ เป็นเวลาประมาณเจ็ดปี ก่อนนั้น นายมาลัย
ชูพินิจ ก็ได้เป็นนักประพันธ์และนักหนังสือพิมพ์มาก่อนแล้ว จึ่งได้เป็นกำลังช่วยข้าพเจ้าเป็นอย่าง
มากและอย่างดี พูดกันเข้าใจง่ายและอะลุ้มอล่วยกันดี
นายมาลัย ชูพินิจ บำเพ็ญตนให้แก่วิชาชีพนักประพันธ์และนักหนังสือพิมพ์อย่างเคร่งครัด
ฝึกตนเองให้เชี่ยวชาญและมีภูมิรู้และความสามารถประจักษ์แก่สาธารณชนผู้อ่านจนมีชื่อเสียงและ
เกียรติคุณแพร่หลายทั่วไป เป็นกำลังของบรรดาหนังสือพิมพ์ของบริษัทไทยพณิชยการ จำกัด เป็น
อาจารย์วารสารศาสตร์ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นกรรมการมูลนิธิวิชาการหนังสือพิมพ์
แห่งประเทศไทย ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในวิชา
วารสารศาสตร์ กับทั้งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญด้วย
เกียรติคุณทั้งนี้ นายมาลัย ชูพินิจ ได้สร้างสมมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเองโดยฝึกฝนตนเอง ข้าพเจ้าจึ่งขอไว้อาลัยด้วยพระพุทธศาสนสุภาษิตว่า |