เรามีกันทั้งหมด ๕ คนพี่น้อง พ่อเรียกชื่อเราทั้ง ๕ คนแตกต่างไป จากแม่และคนอื่นๆ พ่อเรียกพี่แดงว่าคต, พี่น้อยว่าตี๋, พี่นิดว่าจิ๋ว, พี่หน่อยว่าก๊อกกี้ และตุ๊กนั้นพ่อเรียกว่าแจ๋วแหวว

ตุ๊กเป็นลูกคนเดียวที่ติดตามพ่อไปตามจังหวัดต่างๆ เพราะพ่อเป็นกรรมการมูลนิธิราชประชาสมาศัย ทำให้การเรียนของตุ๊กไม่ค่อยต่อเนื่อง เพราะบางทีก็หยุดโรงเรียนตามพ่อไป ตุ๊กเป็นคนเดียวในพี่น้องที่เรียนไม่ได้เรื่องที่สุด แต่เราทั้ง ๕ คนก็ได้เรียนจนจบมหาวิทยาลัยตาม ที่พ่อและแม่หวังไว้

การที่ได้ติดตามพ่อไปยังจังหวัดต่างๆ นั้น ทำให้ตุ๊กได้มีโอกาสใกล้ชิดกับพ่อมากขึ้น ครั้งที่จำได้คือ ตอนที่ไปเขาใหญ่ เรา ๒ คนพ่อลุกเดินไปตามถนนลูกรังสีแดง เพราะทางยังอยู่ใน ระหว่างการก่อสร้าง ถึงแม้ว่าจะมีฝุ่นสีแดงเกาะเต็มไปหมด เราก็ยังได้เห็นความสวยงามของ ดอกไม้ป่าข้างทาง ตุ๊กยังจำได้แม่นยำถึงคำพูดของพ่อตอนหนึ่งที่ว่า

“แจ๋วแหวว ดูดอกไม้ป่าพวกนี้ซิลูก สวยตามธรรมชาติ คิดถึงแม่เขานะ ถ้ามาด้วยคงจะชอบกล้วยไม้ป่าพวกนี้”

เรามีเรือนกล้วยไม้ที่บ้าน และพ่อกับแม่ได้ส่งกล้วยไม้เข้าประกวดจนได้รับรางวัล หลายครั้ง

พ่อชอบเข้าป่าล่าสัตว์ และบางครั้งพ่อจะพาพี่แดงและพี่น้อยไปด้วย ตุ๊กเคยบอกว่าตุ๊ก อยากไปอย่างพี่ๆ เขาบ้าง (ในตอนนั้นของเล่นที่ตุ๊กอยากได้ จะเป็นของเล่นจำพวกปืนบ้าง รถถัง บ้าง) พ่อเลยพาไปที่น้ำตกมวกเหล็ก เราไปกางเต็นท์นอนกัน จำได้ว่ามีพ่อ แม่ และคุณสร้อย กับ คุณณรงค์ วิริยะและคุณสรรพศรี วิรยศิริ เราเคยมีบ้านที่บางละมุง เวลาที่พ่อพาพวกเราไปตากอากาศที่นั่น พ่อจะจอดรถแถวสะพานบางปะกงเพื่อดูพระอาทิตย์ตก หรือไม่ก็ดูพระจันทร์ขึ้น ทุกครั้ง ที่บางละมุง ตุ๊กจำอะไรไม่ได้มากนัก ที่จำได้ก็คือ ตุ๊กชอบปีนต้นตะขบหน้าบ้าน

ตุ๊กเคยพูดกับพ่อถึงบางครอบครัวว่า อยากไปเกิดเป็นลูกเขา แต่พอพ่อถามว่า

“หนูไม่อยากเกิดเป็นลูกพ่อกัยแม่แล้วเหรอ” ในตอนนั้นตุ๊กยังเด็กมาก จำไม่ได้ว่าตอบพ่อไปว่าอะไร แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือ

ไม่ว่าจะเกิดอีกกี่ชาติก็ตาม ตุ๊กขอเกิดเป็นลูกของพ่อกับแม่ตลอดไป

สมาพร ชูพินิจ
โปโตแมค, แมรี่แลนด์, สหรัฐอเมริกา